สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของราคาน้ำมันถูกสกัดด้วยความวิตกกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันเดือนต.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันอังคารที่ 22 ก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 41.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นั้น มาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนที่พัดเข้าสู่แหล่งผลิตน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดทั่วโลก โดยรายงานระบุว่าขณะนี้ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 31 ล้านราย ส่วนสหรัฐเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกจำนวนกว่า 7 ล้านราย
ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว ซึ่งได้แก่ การให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน หากสามารถทำได้, ผับและร้านอาหารจะต้องปิดร้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้, ประชาชนห้ามรวมกลุ่มกันมากกว่า 6 คน, มีการกำหนดสถานที่มากขึ้นที่บังคับให้ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับภาคธุรกิจและประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล