สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 40.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 41.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลงเกือบ 2.9%
ยูจีน ไวน์เบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชเปิดเผยว่า "จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ และการออกมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นในยุโรปนั้น อาจถ่วงอุปสงค์น้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำแล้วลงอีก"
ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกเป็นไปอย่างเปราะบาง โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งเป็นประเทศนำเข้าและใช้น้ำมันมากที่สุดอันดับ 3 ของโลก
การดีดตัวขึ้นของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ถ่วงราคาน้ำมันลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นราว 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น จะลดความน่าสนใจของสัญญาน้ำมัน เนื่องจากจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการออกมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรป และทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และความต้องการใช้น้ำมัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐขณะใกล้ถึงการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้เป็นปัจจัยกดดันตลาดด้วย
ส.ส.พรรคเดโมแครตได้เตรียมเสนอมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่จากผลกระทบของโรคโควิด-19 วงเงิน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้
การขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงไปจนถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้กดดันตลาดด้วย โดยการผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มขึ้นหลังผู้บัญชาการทหารยกเลิกการปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 183 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย.