สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) ขานรับสัญญาณบวกที่ว่า สภาคองเกรสและทำเนียบขาวมีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังไม่มีแนวโน้มบรรเทาลงนั้น อาจขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 40.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 42.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ส่งสัญญาณว่า ตนและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยหนึ่งในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันคือวงเงินในโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งการอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นในการช่วยเหลือธุรกิจสายการบิน และธุรกิจประเภทอื่นๆ
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังจากสมาคมผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซแห่งนอร์เวย์ (Norwegian Oil and Gas Association) เปิดเผยว่า บริษัทน้ำมันหลายแห่งในนอร์เวย์วางแผนที่จะลดการผลิตน้ำมันประมาณ 22% หรือ 900,000 บาร์เรลต่อวัน หากกลุ่มคนงานในยังคงเดินหน้าประท้วงในวันพุธ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกมีจำนวนมากกว่า 33 ล้านราย ขณะที่สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลก โดยมีจำนวนมากกว่า 7 ล้านราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 แสนราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในโลกเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตลาด จากการที่ลิเบียและอิหร่านเพิ่มการส่งออกน้ำมัน ขณะที่บริษัทเชลล์ได้เช่าเรือบรรทุกน้ำมันสำหรับการขนส่งน้ำมันจากท่าเรือลิเบียในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งนับเป็นการขนส่งน้ำมันออกจากท่าเรือลิเบียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย