สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยลบที่สกัดแรงบวกของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 40.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 40.95 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนพ.ย.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันพุธที่ 30 ก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย. โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 831,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย.
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 33,886,157 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,013,469 ราย
นอกจากนี้ หากพิจารณาตลอดทั้งเดือนก.ย.พบว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 5.6% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ดิ่งลง 9.6% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน