สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบออกมา หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก และอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันตามมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 37.05 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 8%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 39.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลง 7.4%
ยูจีน ไวน์เบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชระบุในวันศุกร์ว่า "ตลาดน้ำมันเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก โดยบรรยากาศการซื้อขายและราคาปรับตัวผันผวน"
"ตลาดเผชิญความเสี่ยงทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน" เขากล่าว
ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า การผลิตน้ำมันโดยรวมของกลุ่มโอเปก เพิ่มขึ้น 160,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า ข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์นั้น ได้เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์โดยรวม รวมถึงสัญญาน้ำมัน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ว่า "เมลาเนีย และผม มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก เราจะเริ่มกระบวนการกักตัว และทำการรักษาในทันที เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"
บรรดานักลงทุนวิตกว่า การติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ และจะทำให้รัฐบาลสหรัฐระงับแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม เพื่อหันมาควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับความต้องการใช้น้ำมันตามมา