สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน "เดลต้า" ส่งผลให้ผลิตน้ำมันในอ่าวต้องถูกระงับลงมากกว่า 90% นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 41.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 43.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) ระบุว่า ณ วันพฤหัสบดีที่ 8 ต.ค. อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนเดลต้าส่งผลให้บริษัทพลังงานที่ดำเนินการในอ่าวเม็กซิโกระงับการผลิตน้ำมันดิบราว 91.53% และระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติ 61.82%
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาเลื่อนแผนการผลักดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับเพิ่มกำลังการผลิตออกไปเป็นช่วงท้ายไตรมาสแรกของปีหน้า จากเดิมที่เคยวางแผนว่าจะดำเนินการดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้า
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะบรรลุข้อตกลงกับสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ พร้อมระบุว่า การเจรจาของทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี และมีการพูดคุยกันถึงการทำข้อตกลงที่มากกว่าการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน
ทางด้านนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทำเนียบขาวต้องการที่จะให้สภาคองเกรสอนุมัติกฎหมายช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจเป็นรายมาตรการ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนหน้า