สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของโรคโควิด-19 ในหลายประเทศแถบยุโรปซึ่งทำให้ต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกรอบนั้น จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 40.88 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 0.7%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 42.93 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 0.2%
ตลาดน้ำมันปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า อุปสงค์น้ำมันจะได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของโรคโควิด-19 ในหลายประเทศ
คาร์สเทน ฟริทช์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชระบุว่า "ราคาน้ำมันลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปสงค์น้ำมันที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ เนื่องจากโรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป"
ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของบลูมเบิร์กที่ว่า การผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มขึ้นสู่ราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน หลังเปิดโรงงานผลิตในเดือนที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้โรงงานเหล่านั้นต้องปิดทำการเนื่องจากการเกิดสงครามกลางเมืองในลิเบีย
นักลงทุนบางส่วนได้ขายสัญญาน้ำมันออกมา หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันศุกร์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการที่เบเกอร์ฮิวจ์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 205 แท่นในสัปดาห์นี้