สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 41.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 43.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนพ.ย. ก่อนที่สัญญาจะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารที่ 20 ต.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค.
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 8.4 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 225,000 ราย
ทางด้านนายแพทย์สก็อตต์ ก็อตต์ลิเอ็บ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กล่าวเตือนว่า สหรัฐจะเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกัน จะสร้างความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เนื่องจากจะเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาดความระมัดระวังในการป้องกันการติดเชื้อ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่ลิเบียได้เพิ่มการส่งออกน้ำมันในตลาดโลก หลังจากที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลประกาศยุติการปิดล้อมโรงงานน้ำมันภายในประเทศ