สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์แนวโน้มความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดีขึ้น และมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 40.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 42.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ และนักลงทุนขานรับสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ต.ค. แม้ลดน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ไว้ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะดีขึ้น หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐเร็วๆ นี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 787,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 875,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 842,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 1 ล้านรายเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันแล้ว หลังจากพุ่งเหนือระดับ 1 ล้านรายเป็นเวลา 5 เดือน นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดีดตัวขึ้น 9.5% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ในเดือนส.ค.
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้รายงานความคืบหน้าในการเจรจากับทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจได้รับอนุมัติเร็วๆ นี้