สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐและยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 37.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2563
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 39.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. 2563
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างหนักหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ประเทศต่างๆประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน โดยรัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศสประกาศยกระดับการคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังพบว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วยุโรปพุ่งขึ้นเกือบ 40% ภายในเวลา 1 สัปดาห์
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐนั้น ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 9,039,170 ราย และมีผู้เสียชีวิต 232,101 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในโลกทั้งในแง่ของยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
นักลงทุนจับตาผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ซีต้า" ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโก ขณะที่สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) ระบุว่า ณ วันพุธที่ 28 ต.ค. บริษัทพลังงานที่ดำเนินการในอ่าวเม็กซิโกได้ระงับการผลิตน้ำมันดิบลงราว 66.6% และระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติลง 44.5% เพื่อเตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนซีต้า