สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การแพร่ระบาดทั่วโลกของโรคโควิด-19 รวมทั้งการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 37.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 39.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 3.8% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 4%
ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง หลังจากประเทศต่างๆ กลับไปดำเนินมาตรการล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 49,627,891 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,247,877 ราย
ยูจีน ไวน์เบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชระบุว่า "การดำเนินมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ และความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางในระยะยาวนั้น มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้หน่วยงานด้านน้ำมันปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในสัปดาห์หน้า"
"ตลาดน้ำมันยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนจำนวนมาก และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว" นายไวน์เบิร์กกล่าว
บรรดาเทรดเดอร์ยังคงติดตามข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อบ่งชี้ความชัดเจนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาสหรัฐ
ส่วนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดนั้น ไม่ได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมันแต่อย่างใด
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 638,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 530,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.7% หลังจากแตะระดับ 7.9% ในเดือนก.ย.