สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ประเทศต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 41.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 43.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากกความหวังที่ว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
นักลงทุนจับตาท่าทีของกลุ่มโอเปกพลัส หลังจากซาอุดีอาระเบียออกมาสนับสนุนการปรับนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส เนื่องจากคาดว่าการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน จะส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านลดลง ซึ่งหากความตึงเครียดลดน้อยลงก็จะทำให้อิหร่านเพิ่มการส่งออกน้ำมัน และอาจทำให้ตลาดเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาด
โอเปกพลัสจะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2564
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย.