สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 41.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 43.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากไฟเซอร์ และ BioNTech ประกาศว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% และบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจาก API ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 913,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้เพื่อยืนยันตัวเลขของ API ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย.
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐ จนทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยขณะนี้ยอดรวมผู้ติดเชื้อมีจำนวนสูงถึง 10,568,714 ราย และมีผู้เสียชีวิต 245,943 ราย ซึ่งทำให้สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในโลก