สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ รวมทั้งตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 41.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 43.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดหวังว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะช่วยให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยล่าสุด โมเดอร์นา อิงค์ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 มากกว่า 94% โดยโมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 ราย
นายแมทธิว เฮปเบิร์น หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed ซึ่งมีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐมีวัคซีนต้านโควิด-19 ใช้ภายในสิ้นปีนี้ กล่าวว่า วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ มีความสะดวกในการจัดส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลในชนบท เนื่องจากสามารถจัดเก็บได้ในอุณหภูมิที่ไม่ต่ำมาก โดยวัคซีนโมเดอร์นากำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบภาวะเสถียร และเชื่อมั่นว่าวัคซีนจะมีค่าเสถียรมากขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบในระยะยาว
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข้อมูลด้านการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของจีน พุ่งขึ้น 6.9% ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเดือนที่ 7 เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่เคยถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ อุปสงค์ที่ปรับตัวขึ้นทั่วโลกยังเป็นปัจจัยหนุนการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนด้วย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้