สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งจะทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะชะลอแผนการเพิ่มการผลิตน้ำมัน ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อราคาและอุปสงค์น้ำมัน
ณ เวลา 23.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.33% สู่ระดับ 41.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรล
ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงในวันนี้ว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19
ไฟเซอร์ระบุว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นเวลา 28 วัน โดยพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในอาสาสมัครทุกกลุ่ม แม้อยู่ในวัย เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยมีผลข้างเคียงในระดับต่ำ
โอเปกพลัสตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตเพียง 5.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันออกไป 3-6 เดือน เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะฉุดอุปสงค์น้ำมันในตลาด
โอเปกพลัสจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.