สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ธ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 48.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 15.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดได้ปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ อังกฤษได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งใหญ่ให้แก่ประชาชนวานนี้ โดยเริ่มจากกลุ่มผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศต่างๆ