สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) อันเป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่สัญญาน้ำมันดิบก็ยังคงปรับตัวขึ้นได้ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว และจะมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น หลังจากที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในประเทศต่างๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 46.57 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้นราว 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 49.97 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้ และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน
ตลาดน้ำมันถูกกดดันตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลงจากการที่บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 258 แท่นในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันในเอเชียและที่อื่นๆ รวมถึงแนวโน้มที่สหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน