สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 47.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 51.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า แกนนำในสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลอันเนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณ (ชัตดาวน์)
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ก็จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลเผชิญภาวะชัตดาวน์ในวันที่ 19 ธ.ค. และชาวอเมริกันที่ตกงานจะไม่ได้รับเงินชดเชยจากสวัสดิการว่างงานในวันที่ 26 ธ.ค.