สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา และยังปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันด้วย เนื่องจากบรรดานักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการอนุมัติฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และแนวโน้มที่สภาคองเกรสสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงในการเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในไม่ช้านี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 49.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 52.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 5.4% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้น 4.6%
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากแนวโน้มความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดว่า ยังมีแนวโน้มที่สภาคองเกรสของสหรัฐจะอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาลหลังเที่ยงคืนวันศุกร์นี้
นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาเปิดเผยว่า แกนนำในสภาคองเกรสใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว โดยการเจรจาอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA มีมติอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของโมเดอร์นาเป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ FDA จะทำการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรจะยังไม่มีมติปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในการประชุมช่วงต้นเดือนม.ค. หลังจากโอเปกคาดการณ์ว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 2564 จะอยู่ที่ 5.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 350,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 2563 จะอยู่ที่ 89.99 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 9.77 ล้านบาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้