สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ประเทศต่างๆเริ่มการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชน
ณ เวลา 22.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 1 เซนต์ หรือ 0.02% สู่ระดับ 48.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ลงนามในร่างงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ไม่ยอมลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอ้างว่าต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนเงินในเช็คเงินสดที่จะแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันจาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์ และให้มีการตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกจากมาตรการดังกล่าว
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ก่อนที่อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งหากการเจรจาประสบความล้มเหลว ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และซ้ำเติมวิกฤตการณ์โควิด-19
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้กระบวนการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยประชาชนใน 9 ประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 คิดเป็นจำนวนมากกว่า 4.4 ล้านโดส
ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยในขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ทำการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนจำนวน 1.94 ล้านโดส หลังจากที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในวันที่ 14 ธ.ค.
นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ สหรัฐจะทำการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคจำนวน 5.1 ล้านโดส และวัคซีนของโมเดอร์นาจำนวน 6 ล้านโดส
รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ โดยมีจำนวนมากกว่า 2.1 ล้านราย จะได้รับการจัดสรรวัคซีนมากที่สุดในสหรัฐ
นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศอื่นที่ได้ทำการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้แก่ จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร แคนาดา อิสราเอล บาห์เรน ชิลี และเม็กซิโก
จีนและรัสเซียได้เริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในเดือนก.ค.-ส.ค. ก่อนที่จะมีการทดสอบในระยะสุดท้าย ซึ่งจนถึงขณะนี้ ทั้งสองประเทศมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนมากกว่า 1.4 ล้านโดส
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส (JMMC) ในวันที่ 4 ม.ค.2564 หลังจากที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วัน