สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) แต่เมื่อเทียบตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมาแล้ว สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงถึง 20.5% โดยได้รับปัจจัยกดดันจากมาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 51.80 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เมื่อเทียบตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงถึง 21.5%
การซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนในการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2563 โดยนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในประเทศต่างๆ
ราคาน้ำมันเผชิญภาวะติดลบในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงการสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและห้ามเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวหลังจากนั้น หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเพิ่มการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ม.ค.2564 หลังจากที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 7.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะส่งผลให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วัน