สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับปัจจัยบวกจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิต นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า คณะบริหารของพรรคเดโมแครตภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 50.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล และเป็นการลดลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 4
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ม.ค.
ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงที่จะโน้มน้าวให้บรรดาผู้ผลิตส่วนใหญ่ของกลุ่มโอเปกพลัสคงการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ. ในช่วงเวลาที่มาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ การตัดสินใจแบกรับภาระการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบียยังเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ที่ประชุมโอเปกพลัสยอมอนุญาตให้รัสเซียและคาซัคสถานเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวมกัน 75,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ.และมี.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้คณะบริหารของพรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ได้อย่างราบรื่น