สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพุธนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 52.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 55.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ โดยจีนเผชิญกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์มณฑลเหอเป่ย ซึ่งมีประชากรจำนวน 11 ล้านคน ขณะที่ยุโรปออกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่า ณ วันอาทิตย์ที่ 10 ม.ค. จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 103 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 85 ราย ส่วนที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ NHC ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นการพบผู้ติดเชื้อรายวันที่มากที่สุดในรอบกว่า 5 เดือน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย