สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่นำเสนอโดยนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 52.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.45% ปิดที่ 55.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากนางเยลเลนได้แถลงต่อคณะกรรมการด้านการเงินของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำเสนอโดยนายไบเดนนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงด้านหนี้สิน พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการเพิ่มขึ้นอีก มิฉะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับการถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงกว่า และอาจได้รับความเสียหายในระยะยาว
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา นายไบเดนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า "American Rescue Plan" วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์, การเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ โดยจะขยายโครงการช่วยเหลือดังกล่าวไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ลดลง 0.26% สู่ระดับ 90.5100 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2564 ลง 280,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 5.5 ล้านบาร์เรล/วัน