สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 10 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 52.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 55.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA รายงานเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค. ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่การผลิตน้ำมันโดยรวมในสหรัฐลดลง 1 แสนบาร์เรล สู่ระดับ 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 8 แสนบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 8 แสนบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 100,913,073 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,169,344 ราย