สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ามาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศและความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงเกือบ 10 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 52.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 55.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก รวมถึงการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะเดียวกันการที่หลายประเทศยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ยังทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนต้านโควิด-19 โดยแอสตร้าเซนเนก้าแถลงว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส
ทางด้านบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ระบุเช่นกันว่า ทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 เหลือเพียง 50% ให้แก่ยุโรป โดยจะกระทบการส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค. ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่การผลิตน้ำมันโดยรวมในสหรัฐลดลง 1 แสนบาร์เรล สู่ระดับ 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา