สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งความหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2563
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 58.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. แตะระดับ 475.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
ข้อมูลจาก EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ ด้วยความหวังที่จะผลักดันมาตรการดังกล่าวให้ผ่านการอนุมัติของสภาคองเกรส แม้เผชิญเสียงท้วงติงเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากสมาชิกพรรครีพับลิกัน
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้พบปะกับสมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันจำนวน 10 รายที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่า เขาต้องการเสียงสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตสำหรับการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเงินช่วยเหลือผู้ตกงานในสหรัฐ และงบสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกัน