สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงนั้น ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 56.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2563 และปรับตัวขึ้น 8.9% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 59.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2563 และเพิ่มขึ้น 7.8% ในรอบสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และความหวังว่า การฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในวงกว้างจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
แนวโน้มปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย โดยซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่รายงานระบุว่า กลุ่มโอเปกพลัสก็ยังคงปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องรีบเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 49,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.3% ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจทรงตัวที่ระดับ 6.7%