สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 8 วันทำการ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวช้าเนื่องจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 58.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 61.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกัน 8 วันทำการ และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนบวกติดต่อกัน 9 วันทำการ ซึ่งสัญญาน้ำมันดิบทั้งสองประเภทต่างก็ทำสถิติปิดในแดนบวกที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากโอเปกคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกในปี 2564 จะฟื้นตัวช้าเนื่องจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะสูงกว่าอุปสงค์ แต่คาดว่าวัคซีนต้านโควิด-19 น่าจะช่วยให้อุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวบางส่วน
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนักเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐจะช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นด้วย
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง