สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งกระตุ้นให้ราคาน้ำมันดิบโลกทะยานขึ้นมากกว่า 5% ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 59.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2563 และปรับตัวขึ้น 4.6% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 62.43 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 5.2% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากรายงานความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างกลุ่มกบฎฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย โดยโฆษกของกองทัพฮูตีทวีตในวันศุกร์ว่า กองทัพอากาศของกลุ่มฮูตีได้โจมตีสนามบินและฐานทัพอากาศในซาอุดีอาระเบียด้วยโดรน
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย และตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในวงกว้างในสหรัฐ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ และมีรายงานระบุว่า กลุ่มโอเปกพลัสก็ยังคงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง