สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 60 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งได้ระงับการผลิตที่โรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัสเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดรายงานในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 60.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 ที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่เหนือระดับ 60 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 63.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งได้ระงับการผลิตที่โรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัส และได้จำกัดการดำเนินงานในส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติด้วย เนื่องจากรัฐเท็กซัสกำลังเผชิญกับสภาพอากาศเย็นจัดจนถึงจุดเยือกแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐเท็กซัส เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐเท็กซัสได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ รัฐเท็กซัสผลิตน้ำมันวันละประมาณ 4.6 ล้านบาร์เรล และเป็นรัฐที่มีโรงกลั่นน้ำมันใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของสหรัฐ
รายงานระบุว่า สภาพอากาศเย็นจัดจนถึงจุดเยือกแข็งในครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทเอ็กซอน โมบิล ประกาศปิดโรงกลั่นน้ำมันในเมืองโบมอนต์และเมืองเบย์ทาวน์ในรัฐเท็กซัส และบริษัทโมทิวา เอ็นเตอร์ไพรซ์ ประกาศปิดโรงกลั่นน้ำมันในเมืองพอร์ตอาร์เทอร์ในรัฐดังกล่าว
นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy คาดการณ์ว่า กำลังผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐจะลดลงราว 500,000 - 1.2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดทำให้โรงกลั่นขนาดใหญ่หลายแห่งต้องระงับการดำเนินงาน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้