สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่า กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 65.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 68.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นทำนิวไฮที่ 71.38 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนม.ค. 2563 ที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปัจจัยที่ทำให้ราคาสัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นมาจากรายงานข่าวที่ว่า กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ยิงโดรนและขีปนาวุธเพื่อหวังโจมตีแห่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารามโค อย่างไรก็ดี กองทัพซาอุดีอาระเบียสามารถยิงสกัดการโจมตีดังกล่าว ซึ่งทำให้แหล่งผลิตน้ำมันไม่ได้รับความเสียหาย
กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ว่า การโจมตีดังกล่าวไม่เพียงแต่จะพุ่งเป้าทำลายซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของอุปทานพลังงานโลก รวมทั้งเศรษฐกิจโลกด้วย
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงสงครามเยเมนที่ยืดเยื้อมานานหลายปี ระหว่างกลุ่มกบฎฮูตี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และรัฐบาลเยเมนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย