สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทำกำไรหลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 64.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 67.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงเดินหน้าเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปอีก 1 เดือน รวมทั้งข่าวการโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำนักงานของนายสเตนี โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแถลงยืนยันว่า สภาผู้แทนราษฎรได้รับร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากวุฒิสภาแล้ว และจะพิจารณาเพื่อลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ (10 มี.ค.)
ทั้งนี้ หากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็จะส่งต่อไปยังปธน.ไบเดนเพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค.