สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค) โดยได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบได้สกัดแรงบวกของราคาน้ำมันในระหว่างวัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 64.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 67.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 11.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 4.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.8 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ข้อมูลของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 13.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันให้เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 211 ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทางด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ไบเดนมีแผนที่จะลงนามเพื่อบังคับใช้กฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันศุกร์นี้