สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค) โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน หลังได้แรงหนุนบางส่วนจากสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง แต่ราคาน้ำมันยังคงร่วงลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค. เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การล็อกดาวน์รอบใหม่ และความล่าช้าในการฉีดวัคซีนในบางประเทศของยุโรป จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 61.42 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ร่วงลง 6.4% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 64.53 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ร่วงลง 6.8%ในรอบสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดของวันโดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวในวันศุกร์ว่า โรงงานน้ำมันแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีโดยโดรน
สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า โดรนหลายลำได้โจมตีโรงงานน้ำมันแห่งหนึ่งในกรุงริยาดห์ในวันศุกร์ และทำให้เกิดเพลิงไหม้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันและปรับตัวลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ท่ามกลางการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ในยุโรป ขณะที่หลายประเทศระงับการใช้วัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสประกาศล็อกดาวน์กรุงปารีสและแคว้นอื่นๆ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่อังกฤษมีแผนการที่จะชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือนหน้า เนื่องจากประสบปัญหาการขนส่งวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจากประเทศอินเดีย และอังกฤษยังจำเป็นต้องทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนอีกจำนวน 1.7 ล้านโดส