สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้ (23 มี.ค) โดยราคาน้ำมันดิบได้เข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) แล้ว เนื่องจากความกังวลที่ว่า มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรป และความล่าช้าในการกระจายวัคซีน จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 3.80 ดอลลาร์ หรือ 6.2% ปิดที่ 57.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ดิ่งลง 3.83 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 60.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่หลายประเทศในยุโรปประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
รัฐบาลเยอรมนีประกาศขยายเวลาการใช้มาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีก 1 เดือน และประกาศใช้มาตรการใหม่ๆอีกหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการห้ามทำกิจกรรมในที่สาธารณะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ โดยภายใต้มาตรการดังกล่าว ประชาชนจะไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมต่างๆในที่สาธารณะในระหว่างวันที่ 1-3 เม.ย. ซึ่งรัฐบาลจะกำหนดให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการ ขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดทำการในช่วงเวลาดังกล่าว และประชาชนจะถูกสั่งห้ามรวมตัวกันในระหว่างวันที่ 1-5 เม.ย. เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.64% แตะที่ 92.3410 เมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค.