สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว ซึ่งเป็นผลจากปัญหาความล่าช้าด้านการขนส่ง หลังเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ยังคงเกยตื้นขวางเส้นทางการสัญจรในคลองสุเอซของอียิปต์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.41 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 60.97 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวลง 0.8%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.62 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 64.57 ดอลลาร์/บาร์เรล และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 0.1%
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาความล่าช้าในการขนส่ง หลังเรือ Ever Given ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยังคงเกยตื้นกีดขวางเส้นทางสัญจรในคลองสุเอซของอียิปต์
คาร์สเทน ฟริทช์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของสถาบันวิจัยคอมเมิร์ซแบงก์เปิดเผยในวันศุกร์ว่า "หากปัญหาเรือขวางคลองสุเอซยังคงดำเนินต่อไป และต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ในการเคลื่อนย้ายเรือเพื่อเปิดเส้นทางการสัญจรนั้น เราก็อาจจะเห็นภาวะปริมาณน้ำมันตึงตัวมากขึ้น และความเชื่อมั่นในตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในขณะนี้"
ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าในการขนส่งน้ำมันได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในยุโรป และหลายประเทศต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง