สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค) หลังจากคณะกรรมการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 59.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับสถิติตลอดเดือนมี.ค. สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.8% แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 22% เมื่อพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 1/2564 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 3.9% ในเดือนมี.ค. แต่พุ่งขึ้นเกือบ 23% เมื่อพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 1/2564
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ของกลุ่มโอเปกพลัส คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวเพียง 5.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยลดลง 300,000 บาร์เรล/วันจากการคาดการณ์ครั้งก่อน ขณะที่เดียวกัน คณะกรรมการ JTC ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณน้ำมันทั่วโลกขยายตัว 200,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป โดยล่าสุดรัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งให้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 3 และกำหนดให้โรงเรียนต่างๆต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ฝรั่งเศสมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 4,585,385 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer
นักลงทุนจับตาโอเปกพลัสซึ่งจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อตัดสินใจนโยบายการผลิตน้ำมัน โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในเดือนพ.ค.
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 900,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล