สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.29 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 61.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 64.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค., เพิ่มการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มการผลิต 441,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนหลังจากหลังปธน.ไบเดนประกาศแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แผนการดังกล่าวของปธน.ไบเดนครอบคลุมถึงการอัดฉีดเงินมูลค่า 6.21 แสนล้านดอลลาร์ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น สะพาน, ถนน, การขนส่งสาธารณะ, ท่าเรือ, ท่าอากาศยาน และการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งครอบคลุมถึงการลงทุนมูลค่า 5.80 แสนล้านดอลลาร์ในด้านการผลิต, งานวิจัยและพัฒนา และการฝึกฝนอาชีพให้กับชาวอเมริกัน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรป โดยรัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งให้มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 3 และกำหนดให้โรงเรียนต่างๆต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 630,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.0%
*ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday*