สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นในไม่ช้านี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 59.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 62.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐ โดยสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.4 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. จาก 6.9 ล้านตำแหน่งในเดือนม.ค.
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 63.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59.0
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ท่ามกลางความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นในเดือนมี.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนนั้น ไฉซิน/มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.พ. 2564 โดยดัชนี PMI ที่อยู่เหนือ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการยังคงขยายตัว
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากข่าวอังกฤษเตรียมผ่อนปรนข้อจำกัดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการกลางแจ้ง และร้านทำผม กลับมาเปิดบริการอีกครั้งได้ในวันที่ 12 เม.ย.นี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 7 แสนบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย.