สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 59.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 63.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 700,000 บาร์เรล
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย.
อย่างไรก็ดี รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2564 สู่ระดับ 6% จากระดับ 5.5% และปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2565 สู่ระดับ 4.4% จากระดับ 4.2%
นอกจากนี้ IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 8.4% หลังจีนประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจอังกฤษในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 5.3% โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะได้รับปัจจัยหนุนจากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่รวดเร็ว