สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 59.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 63.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาผลิตน้ำมันของอิหร่าน โดยอิหร่านและชาติมหาอำนาจของโลกได้จัดการประชุมอย่างสร้างสรรค์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้เห็นพ้องกันที่จะมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และทำให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
ทั้งนี้ Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 134,068,758 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,906,565 ราย
รายงานดังกล่าวระบุว่า สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐอยู่ที่ 31,650,982 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 573,030 ราย