สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลก และรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.97 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 63.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 2.91 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 66.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลจาก FactSet บ่งชี้ว่า ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนหลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ขึ้นอีก 230,000 บาร์เรลต่อวันจากการคาดการณ์ครั้งก่อน โดยคาดว่า อุปสงค์น้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปี 2563 เป็น 96.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้
ตลาดน้ำมันขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้อีก 100,000 บาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นราว 6 ล้านบาร์เรลต่อวันแตะ 96.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และโอเปกยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จาก 5.1% เป็น 5.4% ด้วย
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันสหรัฐที่ลดลงเกินคาดด้วย โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยในวันพุธนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ลดลง 5.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลงเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว