สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศรวมถึงอินเดีย จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 61.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 65.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าจะลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 436,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยกระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวนเกือบ 300,000 ราย ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็น 15,616,130 ราย ขณะเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตอีก 2,023 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 182,553 ราย
ทั้งนี้ แม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากในอินเดีย แต่รัฐบาลยังไม่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ขณะที่เมืองเดลีได้บังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ไปจนถึงวันที่ 26 เม.ย.นี้
สำหรับข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 144,105,574 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3,064,315 ราย โดยสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก