สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐและยุโรป แม้นักลงทุนยังคงวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 62.14 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 66.11 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของทั้งสหรัฐและยุโรป ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 53.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.2 ในเดือนมี.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 62.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 59.7 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 20.7% สู่ระดับ 1.021 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 886,000 ยูนิต หลังจากดิ่งลง 16.2% ในเดือนก.พ. และราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 330,800 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค.