สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จัดการประชุมเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน และมีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมันเอาไว้เท่าเดิม ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 62.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.2564
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 66.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรีของกลุ่มโอเปกพลัส (JMMC) ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการจัดการประชุมแล้วเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) จากเดิมที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงนโยบายการผลิตเอาไว้เท่ากับเมื่อครั้งที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค., เพิ่มการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มการผลิต 441,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
ส่วนซาอุดีอาระเบียจะยกเลิกการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรล/วันที่เคยดำเนินการมาตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเพิ่มการผลิต 250,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. และเพิ่มการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. รวมทั้งเพิ่มการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
การตัดสินใจจัดการประชุมเร็วขึ้นหนึ่งวันและคงนโยบายการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัสนั้น มีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในอินเดีย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
รายงานระบุว่า ประชุม JMMC และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 200,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 เม.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564 ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า GDP ของสหรัฐจะขยายตัว 6.1% ในไตรมาส 1 ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546