สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันกลั่นลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 63.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.2564
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 67.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดพุ่งขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 77 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยได้อานิสงส์จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล/วัน รวมทั้งการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการในการเดินทางระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันสัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยังคงเดินหน้าแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเพิ่มกำลังการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค., เพิ่มการผลิต 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มการผลิต 441,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ โอเปกพลัสคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ หลังจากดิ่งลง 9.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว