สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก แม้อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ยังคงเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันที่พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 64.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 67.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากสหรัฐเปิดเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนถึงฤดูร้อนซึ่งเป็นฤดูที่มีการขับขี่รถยนต์เพิ่มขึ้น
บรรดานักลงทุนคาดว่า แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.5 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.1 ในเดือนมี.ค.
ดัชนี PMI ดีดตัวขึ้นในเดือนเม.ย.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ค. 2550 และดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดค่าดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล อ่อนค่าลง 0.37% สู่ระดับ 90.9487 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ