สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่ท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ในสหรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 65.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 68.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ได้ระงับการขนส่งน้ำมันทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ โดยท่อส่งน้ำมันดังกล่าวมีศักยภาพในการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 45% ของปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน และเชื้อเพลิงอากาศยานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของโคโลเนียล ไปป์ไลน์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทตั้งเป้าที่จะกลับมาเปิดท่อส่งน้ำมันอย่างสมบูรณ์ภายในปลายสัปดาห์นี้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ท่อส่งน้ำมันบางส่วนได้เริ่มกลับมาดำเนินงานแล้ว
"เราขอรายงานให้ทราบว่า ท่อส่งน้ำมัน Line 4 ซึ่งลำเลียงน้ำมันจากเมืองกรีนส์โบโรของรัฐนอร์ธแคโรไลนาไปยังเมืองวู้ดไบน์ของรัฐแมรีแลนด์นั้น ได้กลับมาดำเนินการแล้ว แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่" โคโลเนียล ไปป์ไลน์ระบุ
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทเซเว่นส์ รีพอร์ท รีเสิร์ช กล่าวว่า หากท่อส่งน้ำมันโคโลเนียลสามารถกลับมาดำเนินงานตามปกติได้อย่างสมบูรณ์ภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมัน ซึ่งรวมถึงน้ำมันเบนซิน ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะเวลาอันใกล้นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นนับตั้งแต่ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียลถูกโจมตีทางไซเบอร์ และล่าสุดสัญญาน้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้น 0.3% แตะที่ 2.14 ดอลลาร์/แกลลอนเมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พ.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล