สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังจากปิดทำการเป็นเวลาหลายวันเหนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 63.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 67.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงหลังจากท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ได้กลับมาเปิดการดำเนินการอีกครั้ง หลังต้องปิดทำการไปเป็นเวลา 6 วัน เนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์
โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งดำเนินการท่อส่งน้ำมันเบนซินและดีเซลไปยังภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐแถลงว่า "การกลับมาดำเนินงานในขั้นตอนแรกนั้นเริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โคโลเนียลจะขนส่งน้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างปลอดภัยและจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดียจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ โดยขณะนี้ อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยมีผู้ติดเชื้อราว 23.7 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 250,000 ราย
โซเฟีย กริฟฟิทส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Oanda Corporation ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศ โดยรายงานระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียลดลง 9.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. นอกจากนี้ การที่รัฐบาลอินเดียใช้มาตรการควบคุมการเดินทางเพื่อสกัดการแพร่ระบาดนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงด้วย